วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การ Test ระบบในเชิงรุก

   การ Test ระบบในเชิงรุก สำหรับนักทดสอบระบบส่วนใหญ่ต้องประสบปัญหาคล้ายๆกันซะส่วนใหญ่คือคือระบบเปลี่ยนแปลง Requirement และ tester ต้องรอจนกว่า Program เสร็จก่อนแล้วค่อยมานั่ง Test ฉนั้น Tester ต้องทำงาน Test เชิงรุก ถามว่าเชิงรุกจะทำอย่างไร ก่อนอื่นต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องต่างๆดังต่อไปนี้ครับ
- Requirement
        ต้องให้ Tester เข้าไปช่วย Review Requirement เพราะว่าเมื่อ Tester เข้าใจใน Requirement ของระบบแล้วจะทำให้เข้าใจว่าจะเทสอะไร และจะทำให้รู้ว่าจะเขียน Test Case อย่างไร สำหรับการ review แบบนี้ในมุมของของ Tester จะเรียกว่า Black-Box Static Test ที่เป็น Black-Box เพราะเรารู้แค่ Requirement แต่เรายังไม่รู้ว่า Software จะออกมาเป็นแบบใด
- Design / Develop
       ในขั้นตอนการออกแบบและพัฒนา Tester จะต้องคอยช่วยให้รายละเอียดของระบบ เพราะว่าการทำ Requirement นั้น Tester จะต้องทำงานร่วมกับ SA เพื่อ Review Requirement และทำ Test Case ในการเขียน Code ที่ดี Programmer ควรทยอยเขียนและส่งให้ Tester ค่อยๆ เทสไปไม่ใช่รอจนกว่างานจะเสร็จทั้งหมดแล้วค่อยส่งให้เทส ส่วนการ unit test นั้นเป็นของ Programmer (White-Box Dynamic Test)ก่อนส่งให้ Tester เทส
- Testing
       เป็นงานของเทสเตอร์ควรทำ Black-Box Dynamic Test และควรเขียนเทสสคริปให้ครอบคลุม เพราะจะได้เทสได้อย่างละเอียดที่สุด และลองใส่ค่าต่างๆเพื่อที่จะได้ Test ว่าโปรแกรมรองรับ Case  เหล่านั้นอย่างไร ดังนั้นเทสเตอร์ควรเป็นคนที่ขี้สงสัย ช่างซักถาม
- Automate Testing Tools
      ส่วนใหญ่เครื่องมือที่ทำงานส่วนใหญ่จะเป็น Excel หรือไม่ก็ Word แต่มันก็ใช้ได้ดีในระดับหนึ่ง แต่จะอาศัยแรงคนทำค่อนข้างเยอะ ฉนั้นสิ่งที่ดีควรปรึกษากันว่าจะใช้เครื่องมือในการทำ Automate ช่วยหรือไม่
- Regression Test
      คือการ Test ซ้ำๆ เช่น เมื่อทำการ intergate ระบบจากส่วนย่อยๆ เข้าด้วยกัน tester จะต้องเทส Flow เพราะว่าตอนที่เทสเป็น unit test อาจจะยังไม่เจอ Bug ฉนั้นต้องทำการเทสซ้ำเพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อ intergate แล้ว test case ไม่เกิดปัญหา

    ฉนั้นผมคิดว่า Tester ควรทำงานในเชิงรุก และเข้าไปมีส่วนร่วมในการวางแผนชิ้นงานต่างๆ เพื่อที่จะได้เข้าใจในชิ้นงานนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น